กลุ่มเยาวชนรักษ์อีสาน

 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

เค้าว่ากันว่า...

1. เค้าว่ากันว่า . . . อ่านหนังสือสักเล่มต้องใช้เวลา เช่นเดียวกัน เราคงไม่รู้จักใครสักคนได้ดีตั้งแต่วันแรก

2. เค้าว่ากันว่า . . . อย่าตัดสินหนังสือดี ๆ แค่ปกมันสวย เช่นเดียวกัน คนหน้าตาดี อาจจะไม่ใช่คนดีเสมอไป

3. เค้าว่ากันว่า . . . คนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย ก็ใช่ว่าจะมีหนังสือเล่มแรกในชีวิตที่ชอบไม่ได้ เช่นเดียวกัน คนที่เราไม่คิดจะอยากรู้จัก อาจจะเป็นคนที่ดีที่สุดในชีวิตเราก็ได้

4. เค้าว่ากันว่า . . . การชอบหนังสือสักเล่ม ไม่ได้หมายความว่า หนังสือเล่มนั้น เนื้อหาดีทุกหน้า เช่นเดียวกัน การรู้สึกดีกับใครสักคน ไม่จำเป็นว่าเขาต้องไม่มีข้อเสียอะไรเลย

5. เค้าว่ากันว่า . . . อย่ารู้สึกเสียดายเวลา กับการอ่านหนังสือบางเล่มจนจบ แล้วพบว่าเป็นหนังสือที่ไม่ชอบ เช่นเดียวกัน จงรู้สึกดี กับการใช้เวลากับใครสักคนหนึ่งอย่างเต็มที่ แม้ว่าวันหนึ่งจะรู้ว่า เขาคนนั้นไม่ใช่เลยสักนิด เพราะอย่างน้อย ต่อจากนี้ไป เราจะได้เลือกทางที่ถูกและคนที่ใช่ซะที

-------------------------------------------------------------------------------------

หนังสือ. . .ความรัก
อย่าตัดสินหนังสือว่าดีแค่ปกสวยๆ...
อย่าบอกว่า...น่ารักเหลือเกินแค่คุยกันหนเดียว
คนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ..ใช่ว่าจะมีหนังสือเล่มแรกที ่ชอบไม่ได้
คนที่บอกว่าจะไม่แต่งงาน...มักแซงหน้าแจกการ์ดก่อนคน อื่นเสมอ

การชอบหนังสือสักเล่มก็ไม่ได้หมายความว่าหนังสือเล่ม นั้นเนื้อหาดีทุกหน้า
การรู้สึกดีกับใครสักคน...ไม่จำเป็นว่าเขาต้องไม่มีข้อเสียอะไรเลย

อย่าเสียดายเวลาถ้าอ่านหนังสือบางเล่มจบแล้วพบว่า... ไม่ใช่แบบที่ชอบ
จงรู้สึกดี..กับการใช้เวลากับใครสักคนหนึ่งอย่างเต็ม ที่
เพราะอย่างน้อยที่ผ่านมา ย่อมต้องมีช่วงเวลาที่มีความสุขอย่างแน่นอน แม้วันหนึ่งจะรู้ว่าเขาหรือเธอคนนั้นไม่ใช่เลยสักนิด
เพราะอย่างน้อยเราก็ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น
และพร้อมที่จะตามหาคนของเราต่อไป

การอ่านหนังสือสักเล่มต้องใช้เวลาเช่นเดียวกับที่... ..
เราไม่สามารถรู้จักใครสักคนได้ดีตั้งแต่วันแรก

หนังสือมีสิ่งต่างๆหลากหลายให้ศึกษา ทดลองอ่านดูก่อนที่จะตัดสินใจว่าน่าเบื่อ
บางครั้งสิ่งที่เราไม่เห็นประโยชน์และมองผ่านมันไป
วันหนึ่งมันอาจจะมีค่าสำหรับเรา
แล้วในตอนจบก็จะรู้ว่าหนังสือประเภทไหนเหมาะกับเราที ่สุด
เหมือนกับความรัก....
ทุกครั้งที่เรามีความรักกับใครสักคนนั้น
แม้ทุกอย่างจะเดินมาถึงจุดจบ แต่คนทั้งคู่ย่อมได้รับอะไรจากสิ่งต่างๆผ่านมาโดย
ไม่รู้ตัว อย่างน้อยที่สุดก็ได้บทเรียนที่มีค่าเพิ่มอีกบทหนึ่ง
บทเรียนที่จะนำไปสร้างความรักครั้งใหม่ให้มีนรากฐานที่ดีกว่าที่ผ ่านมา

----------------------------------------------------------------------------------

     วิกฤติ คือ โอกาสทอง

    ณ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชาวนาคนหนึ่งเลี้ยงลาไว้ตัวหนึ่งซึ่งแก่มากแล้ว ด้วยความโง่ของมันดันเดินซุ่มซ่ามไปตกบ่อแห่งหนึ่ง มันร้องครวญครางอยู่เป็นเวลานาน ชาวนาเองก็พยายามใคร่ครวญหาวิธีที่จะช่วยมันขึ้นมา 

    ในที่สุดชาวนาหวนคิดขึ้นมาได้ว่า เจ้าลาก็แก่เกินไปแล้วอีกอย่างบ่อนี้ก็ต้องกลบไม่คุ้มที่จะช่วยเจ้าลา ชาวนาจึงไปขอแรงชาวบ้าน เพื่อมาช่วยกลบบ่อ ทุกคนใช้พลั่วตักดินสาดลงไปในบ่อ ครั้งแรกเมื่อดินถูกหลังลา มันตกใจและรู้ชะตากรรมของตนเองทันที มันร้องโหยหวนสักพักหนึ่ง ทุกคนก็แปลกใจที่เจ้าลาเงียบไป

    หลังจากชาวนาตักดินใส่บ่อได้สักสองสามพลั่ว เมื่อเหลือบมองลงไปในบ่อ ก็พบกับความประหลาดใจ ที่ลามันจะสะบัดดินออกจากหลังทุกครั้งที่มีผู้สาดดินลงไป แล้วก้าวขึ้นไปเหยียบบนดินเหล่านั้น ยิ่งทุกคนพยายามเร่งระดมสาดดินลงไปมากเท่าไร มันก็ก้าวขึ้นมาเร็วได้มากยิ่งขึ้น ในไม่ช้าทุกคนต่างประหลาดใจเพราะในที่สุด เจ้าลาก็สามารถหลุดพ้นจากปากบ่อดังกล่าวได้

    นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ชีวิตนี้อุปสรรคต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาหาเรา ก็เปรียบเหมือนดินที่สาดเข้ามาหาเรา จงอย่าท้อถอยและยอมแพ้ จงแก้ไขมันเพื่อที่จะก้าวสูงขึ้นเรื่อยๆ เปรียบเหมือนลาแก่ที่หลุดพ้นจากบ่อได้ ฉันใดฉันนั้น

    อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้ามไป ชีวิตคนเราก็เช่นกัน เราก็ต้องประสบกับโลกธรรมแปดเป็นธรรมดา คือ ได้ลาภ ได้ยศ สรรเสริญ สุข ก็ต้องมีเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ แต่เมื่อเรามีทุกข์ มีปัญหา หรือต้องประสบกับวิกฤติหนักหนาสาหัสแค่ไหน ก็ให้อาศัยขันติ มีความอดทน

    เมื่อ มีความทุกข์ หยุดทำ หยุดพูด หยุดคิด ตั้งสติใช้ปัญญา อาศัยอดทน อดกลั้น หยุดทุกสิ่งทุกอย่างไว้ก่อน ไม่ต้องคิดที่จะแก้ปัญหาภายนอก กำหนดรู้ลมหายใจออกยาวๆ ลมหายใจเข้าลึกๆ ให้มีสติ มีความรู้สึกตัวกับลมหายใจเข้า ลมหายใจออกติดต่อกัน ต่อเนื่องกัน มีสมาธิตั้งมั่นกับลมหายใจ ปล่อยวาง

    ความรู้สึกที่ไม่ดี ปล่อยวางจิตใจให้ว่างๆ ว่างจากอดีต ว่างจากอนาคต ว่างจากความไม่สบายใจ เหลือแต่จิตที่มีแต่ความรู้สึกตัว เบิกบานใจ โอปนยิโก น้อมเข้าไปหาธรรมชาติของจิตที่เป็น ประภัสสร บริสุทธิ์ผ่องใส เมื่อจิตสงบสบายแล้ว จึงค่อยๆ คิดแก้ปัญหาด้วยสติปัญญา เมื่อจิตใจดี สบายใจทุกอย่างแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะค่อยๆ ดีขึ้น ให้มีความหวัง กำลังใจที่จะต่อสู้

... ทุกข์ที่สุดอยู่ที่ไหน ขุมทรัพย์ก็มีอยู่ที่นั่น ...

... ทุกข์ที่สุดอยู่ที่ไหน สุขที่สุดมันก็อยู่ที่นั่น นี่เป็นความจริง ...

... ไม่ว่าจะมีวิกฤติหรือเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นกับเรา สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือรักษาใจของเราให้ดี ให้มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นคุณธรรมประจำใจของเรา ...

   โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก้Wink

..............................................................................................................................................................................................................

15 ข้อคิดดีดีรักษาจิตใจ

                  คนเราทุกวันนี้แม้อยู่กันเต็มบ้าน แต่บางบ้านดูจะห่างไกลการพูดคุย และสัมพันธ์ภาพกันเสียเหลือเกิน ดังนั้นเราจึงมีเนื้อความดีๆ ที่เพื่อนๆ ส่งมาให้ทางอีเมล์มาแนะนำการรักษาจิตใจ ให้มีสุขภาพดู ไม่เป็นจิตใจที่อ่อนแอ หรืออคติ คิดเจ้าแค้น พยาบาทให้บั่นทอนความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ซึ่งเป็นข้อเขียนของนงนุช มีสวน นั่นคือ

            1. คนเรามีความรู้สึกรัก ชอบ โกรธ เศร้า ไม่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเวลาไหนมันจะแสดงออกมามากน้อยเพียงใดเท่านั้น " คนที่จะหัวเราะได้เสียงดัง ข้างในคงต้องขำบ้างพอสมควร คนที่น้ำตาจะไหลได้ ข้างในคงมีเรื่องปวดร้าว....ถ้าไม่นับการร้องไห้ที่มาจากความปิติ " 

            2.โลกสอนมนุษย์ว่าทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง...แต่โลกก็กลับสอนให้มนุษย์ผูกพัน 

            3. คนที่ตลกหัวเราะสดใส ก็คือคนเดียวกับคนที่สามารถร้องไห้ฟูมฟายได้ เพียงแต่คุณจะได้เห็นหรือเปล่าเท่านั้น อาจจะเคยได้ยินว่า "คนที่หัวเราะได้ดังที่สุด ก็คือคนที่สามารถร้องไห้ได้ดังที่สุดเช่นกัน" 

             4. เด็กๆ จะมองว่าผู้ใหญ่ซีเรียส ในขณะที่ผู้ใหญ่จะบอกว่า เด็กไร้สาระ เพราะเด็กไม่เคยเป็นผู้ใหญ่มาก่อน วันหนึ่งเค้าคงจะรู้ว่า ทำไมถึงต้องมีเรื่องซีเรียส สำหรับผู้ใหญ่ซึ่งได้ผ่านวัยเด็กมาแล้วอาจจะลืมไปว่า ณ วันที่ผ่านมา" สาระ"ในชีวิตของเขา คืออะไร

             5. ครอบครัวไทยมักจะเลี้ยงลูกผู้หญิงให้เป็นฝ่ายถูกเลือก คอยสั่งสอนให้ทำตัวเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครเลือกไปเป็นคู่ครอง.... แต่ความจริงแล้วผู้ชายและผู้หญิง เราต่างเลือกซึ่งกันและกันมากกว่า

             6. เพื่อนที่ดีที่สุด คือคนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไรกันซักคำ แต่สามารถเดินจากไป ด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกันอย่างประทับใจที่สุด 

            7.ใครหลายคนไม่กล้าเข้าไปปลอบโยนให้คำปรึกษากับเพื่อนเพราะคิดว่าเราไม่รู้จะบอก เคายังไง เพราะเราเป็นแค่เพื่อน....แต่ความจริงแล้วคุณเป็นตั้งเพื่อนต่างหาก

            8. ผู้ชายที่ร้องไห้ และยอมรับว่าตัวเองร้องไห้เขาคือสุภาพบุรุษที่สุด อย่างน้อยการซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง... คือความกล้าหาญสุดยอด

            9. ก่อนที่วันนี้ คุณจะทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ๆ อย่าลืมสำรวจตัวเองก่อนว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา... ทำใครหล่นหายไปจากชีวิตหรือเปล่า

           10. เงินไม่ใช่พระเจ้า แต่ทำให้เรามีทางเลือกมากขึ้น

           11. มีสติ สตางค์อยู่ ก็ปลีกเวลาไปใช้เสียบ้าง อีกหน่อยไม่มีสติแต่มีสตางค์...ก็สายไปเสียแล้ว 

          12. เวลาที่เรารักใคร เราจะรู้สึกตัวเล็กเ หลือเกิน...เวลาใครรักเรา เราจะรู้สึกตัวใหญ่เหลือเกิน...แต่ถ้าเราเจอคนที่เรารักเขาและเขาก็รักเรา เราจะผลัดกันตัวเล็กตัวใหญ่ 

         13. วันที่คุณเข้มแข็งและแข็งแรงพอ อย่าลืมเป็นผู้ฟังที่ดีให้กับคนที่มีปัญหาด้วย "เอาไหล่ให้เขาพิง เอามือให้เขาจับ".....100 คำพูดดี ดี ไม่เท่ากับ 1 สัมผัสที่มีค่าหรอกนะ

          14. คุณรู้ไหมว่า อายุคนเราเฉลี่ย 76 ปีนั่นคือแค่ 3,952 อาทิตย์เท่านั้นคุณหมดเวลาไปกับการนอนถึง 1317 อาทิตย์ ซึ่งเท่ากับว่าคุณเหลือเวลาที่ใช้ดำเนินชีวิตแค่ 2,635 อาทิตย์เท่านั้นเอง

          15. ลองฉลองวันเกิดกับครอบครัวสักปี แล้วคุณจะได้รู้ว่า เมื่อตอนที่คุณร้องไห้จ้าในวันเกิดวันแรก คนในครอบครัวคุณมีความสุขกันขนาดไหน.......

อ่านครบ 15 ข้อแล้วลองทำดูนะ ให้ชีวิตอยู่อย่างรื่นๆ ชื่นฤทัย สบายใจกันดีที่สุด

 

Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 23,683 Today: 4 PageView/Month: 38

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...